วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2557

จักรวรรดิรุสเซีย

จักรวรรดิรุสเซีย


                                              แผนที่แสดงจักรวรรดิรุสเซีย ในปี 1721 (พ.ศ.2264)

              จักรวรรดิรุสเซียสถาปนาขึ้นในปี 1721 (พ.ศ.2264) โดยพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราชสถาปนาขึ้นแทนที่ราชอาณาจักรรุสเซีย จักรวรรดิรุสเซียมีพื้นที่กว้างใหญ่ครอบคลุมยุโรปตะวันออก เอเชีย จนไปถึงอเมริกา รับได้ว่าเป็นหนึ่งในจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นจักรวรรดิหนึ่งที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในประวัติศาสตร์รัสเซีย


                                                             ปีเตอร์มหาราช
              จักรวรรดิรุสเซีย สถาปนาขึ้นแทนราชอาณาจักรรุสเซีย (Tsardom of Muskovy) เป็นจักรวรรดิหนึ่งที่โดดเดียวและไม่เป็นที่รู้จักในยุโรป จนกระทั่งพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราชทรงปฏิรูปจักรวรรดิให้ทันสมัย ถือเป็นการเปิดประตูต้อนรับยุโรปอย่างแท้จริง พระองค์ทรงปฏิรูปจักรวรรดิใหม่หมด ทั้งการแต่งกาย การศึกษา เป็นต้น

               ด้วยเหตุผลนี้จักรวรรดิรุสเซียหลังรัชสมัยของพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราชจึงกลายเป็นจักรวรรดิมหาอำนาจชั้นแนวหน้าของโลกในสมัยนั้น

               พระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราชทรงรวบรวมอำนาจในรุสเซียให้มีความเป็นปึกแผ่นแล้วนำพาจักรวรรดิรุสเซียในขณะนั้นไปสู่ระบบรัฐของยุโรป พระองค์ทรงเปลี่ยนจากอาณาจักรเล็กๆ เริ่มแรกในศตวรรษที่ 14 ให้กลายเป็นจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดในโลกในรัชสมัยของพระองค์ รุสเซียขยายเข้าไปในแผ่นดินใหญ่ยูเรเซีย ตั้งแต่ทะเลบอลติกจรดมหาสมุทรแปซิฟิก และขยายออกไปมากที่สุดในช่วงศตวรรษที่ 17
                                                       รุสเซียกับนโปเลียนรบกัน
              
                  อย่างไรก็ตามแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาล นี่มีประชากร 14 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่ตามชนบทและทำกสิกรรมทางตะวันตกของประเทศ ส่วนน้อยที่อยู่ในเมือง ซาร์ปีเตอร์มหาราชได้ทำการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี การปกครอง และการทำศึกสงครามเสียใหม่ เพื่อให้เจริญก้าวหน้าโดยรับแนวคิดจากตะวันตกมาทั้งสิ้น พระองค์ทรงเรียนรู้กลยุทธ์และการป้องกันมากมายจากตะวันตก แล้วยังสร้างกองทัพที่เข้มแข็ง ซึ่งมาจากการเกณฑ์ทหาร พระองค์ยังทรงเป็นพระเจ้าซาร์พระองค์แรกที่เสด็จประพาสยุโรปด้วย พระองค์ทรงทำสงครามกับสวีเดนเพื่อชิงแผ่นดินส่วนที่ติดทะเลบอลติกให้มีทางออกสู่ทะเลอีกทั้งยังให้เป็นประตูสู่ยุโรป และสร้างเมืองหลวงใหม่ชื่อว่า "เซนต์ปีเตอรส์เบิร์ก" เมื่อนโปเลียนที่ 1 บุกรุกรุสเซีย รุสเซียก็มีชัยเหนือนโปเลียนที่ 1 ชัยชนะในครั้งนั้นเป็นการแสดงให้โลกรู้ว่าจักรวรรดิรุสเซียยังคงเป็นมหาอำนาจที่ไม่อาจโค่นล้มได้ง่ายๆ
                                                                              
                เมื่อล่วงเข้าศตวรรษที่ 19 จักรวรรดิอยู่ภายใต้การนำของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 1 ซึ่งทรงทำสงครามพิชิตแหลมไครเมียร์กับจักรวรรดิออตโตมันรัสเซียก็พิชิตแหลมไครเมียร์ได้สำเร็จซึ่งในขณะนั้นเองจักรวรรดิก็ก้าวเข้าสู่การปฏิรูประเทศอีกครั้ง ทาสเริ่มได้รับสิทธิมากขึ้น เริ่มมีการเผยแพร่ความรู้และเริ่มมีแผนที่จะร่างรัฐธรรมนูญขึ้นด้วย แต่ก็ล้มเลิกความคิดไป

                                                 

                                                       พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 
                
                  เมื่อเริ่มเข้าสู่ศตวรรษที่ 20 ก็เริ่มมีกระแสการปฏิวัติไปทั่วโลก ในขณะนั้นเองจักรวรรดิรุสเซียก็เริ่มเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ผู้คนอดอยากทั่วรุสเซียฤดูหนาวที่โหดร้าย และการพ่ายแพ้สงคราม ภายใต้อำนาจของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 เริ่มมีชนกลุ่มเล็กภายในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเริ่มคิดก่อกวนปฏิวัติเมื่อเหตุการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น ในปี 1905 ประชาชนได้รวมตัวกันชุมนุมกัน ณ จัตุรัสแดง ที่พระราชวังฤดูกาลหนาวในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อพระเจ้าซาร์ และเมื่อพระเจ้าซาร์เสด็จออกมา ปืนและปืนใหญ่ของทหารม้ารุสเซียก็ระดมยิงใส่ผู้ชุมนุมประท้วง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เหตุการณ์นี้รู้จักดีในชื่อว่า Bloody Sunday หรือ อาทิตย์ทมิฬ 


ภาพBloody sunday หรืออาทิตย์ทมิฬ เมื่อปี 1905 บริเวณ ณ จตุรัสแดง


             ต่อมาเมื่อรุสเซียแพ้สงครามรุสเซีย-ญี่ปุ่น  และสงครามโลกครั้งที่ 1 ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 1917 เกิดการปฏิวัติขึ้น (การปฏิวัติเดือนกุมภาพันธ์) นำโดย วลาดิเมียร์ เลนิน 


                                                    วลาดิเมียร์ เลนินผู้ทำการปฏิวัติรุสเซียในปี 1971 

            ซึ่งนำการปฏิวัติไม่นาน ราชวงศ์ก็ทรงประทับอยู่ ณ พระราชวังอเล็กซานเดอร์ และระหว่างเมษายน และ พฤษภาคมปี 1918 ก็ทรงถูกย้ายจากพระราชวังอเล็กซานเดอร์มาประทับ ณ เมืองเยคาเทียรินเบิร์ก เมื่อวันที่ 16 กรกฏาคม เวลา 1:30 นิโคลัส อเล็กซานดร้า โอรสและธิดา ถูกหลอกให้ลงมาชั้นใต้ดิน แต่เมื่อทั้งหมดลงมา ก็ถูกขังไว้ในห้องพร้อมกับทหารกลุ่มบอลเชวิค โดยทั้งหมดสิ้นพระชนม์จากการถูกยิงเป้าหมู่ ภายหลังได้มีการฝังพระศพทั้งหมดร่วมกันเป็นการปิดฉากราชวงศ์โรมานอฟและจักรวรรดิรุสเซีย   

              
                                                         การสังหารหมู่ราชวงศ์โรมานอฟ



                                                           สภาพห้องที่สังหารหมู่ราชวงศ์โรมานอฟ



              ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้นในช่วงเริ่มแรกรุสเซียยังมีกษัตริย์ปกครองประเทศอยู่ นั้นคือ พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ซึ่งพระองค์ทรงเป็นผู้ประกาศเข้าร่วมสงคามโลกครั้งนี่ แม้ในเวลาต่อมาคือช่วงกลางของสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้นพระองค์จะถูกพรรบอลเชวิคที่นำโดยวลาดิเมียร์ เลนิน โค่นลงจากอำนาจกระนั้นในที่นี่เราพึงรู้จักพระราชประวัติขององค์ในที่นี่ก่อน

              ซาร์นิโคลัสที่ 2 หรือพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่  2  พระนามาภิไธยเต็มของพระองค์คือ นิคาลัย อเล็กซานโดรวิช โรมานอฟ พระนามาภิไธยอย่างเป็นทางการคือ นิโคลัสที่ 2 สมเด็จพระจักรพรรดิเจ้าอธิปัตย์แห่งรัสเซีย และในบางครั้งมีผู้เรียกพระองค์ว่า "นิโคลัสผู้เป็นที่เคารพบูชา" อันเนื่องมาจากการถูกปลงพระชนม์อย่างทารุณ กับทั้งได้สมัญญาว่า "นิโคลัสผู้กระหายเลือด" อันเนื่องมาจากเหตุการณ์นองเลือดในวันขึ้นทรงราชย์ อย่างไรก็ดี ผู้ถือศาสนาคริสต์นิกายออร์ทอดอกซ์ของรัสเซียยกย่องพระองค์ให้เป็น "นักบุญนิโคลัสผูธำรงความหฤหรรษ์"
                                 

                                                      พระเจ้าซาร์นิโลลัสที่ 2
              
                พระองค์ทรงประสูติเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 1868 เป็นพระโอรสของสมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 แห่งรัสเซียแห่งราชวงศ์โรมานอฟเสด็จขึ้นครองราชย์ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 1894-15 มีนาคม 1916 พระองค์ได้รับการกล่าวถึงว่าทรงเป็นจักรพรรดิที่อ่อนแอ ทรงไม่สามารถจัดการกับความไม่สงบภายในประเทศ โดยเฉพาะความพ่ายแพ้ในสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่นเมื่อปี 19041905 และการที่ทรงบัญชาการรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ไม่ทรงสามารถควบคุมกองทัพได้ อันเป็นชนวนให้ประชาชนชาวรัสเซียไม่พอใจและก่อการประท้วง นอกจากนี้ยังทรงปล่อยให้รัสปูติน นักบวชนอกรีตมีอิทธิพลเหนือราชสำนัก ต่อมาคณะปฏิวัติบอลเชวิคได้บังคับให้ทรงสละราชสมบัติเมื่อปี 1917 ทรงถูกจำและถูกปลงพระชนม์อย่างทารุณพร้อมด้วยพระราชวงศ์หลายพระองค์

  
ภาพถ่ายพระเจ้าซาร์นิโคลัสที 2 กับเหล่าญาติ ราชวงศ์โรมานอฟ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น