วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557

จักรวรรดิอังกฤษหรือจักรวรรดิบริเทน

จักรวรรดิอังกฤษหรือจักรวรรดิบริเทนใหญ่
               


             จักรวรรดิอังกฤษ (British Empire แปลตามตัวคือ จักรวรรดิบริเทน) นับเป็นจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดดในประวัติศาตร์และในช่วงระยะเวลาหนึ่งเคยเป็นมหาอำนาจที่สำคัญของโลก โดยถือกำเนิดมาจากยุคแห่งการค้นพบในทวีปยุโรป ซึ่งเริ่มตั้งแต่การสำรวจทางทะเลในคริสต์ศตวรรษที่ 15 ที่ทำให้เกิดจักรวรรดิอาณานิคมของยุโรป (European colonial empires)
ภาพวาดกองทัพเรือจักรวรดิอังกฤษ
              
              ในศศตวรรษที่ 19 จักรวรรดิอังกฤษนับเป็นมหาอำนาจที่น่าเกรงขามมากที่สุด โดยเป็นทั้งมหาอำนาจทางทะเล มีอาณานิคมโพ้นทะเลมากที่สุดจนได้ชื่อว่า ดินแดนพระอาทิตย์ตกดินเป็นประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำและมั่งคั่งที่สุดด้วย
              
              การก่อตั้งจักรวรรดิอังกฤษเกิดขึ้นในช่วงกอนที่ประเทศอังกฤษจะรวมตัวกันเป็นรัฐเดี่ยวทางการเมือง เมื่ออังกฤษและสก็อตแลนด์ยังเป็นราชอาณาจักรที่แยกจากกัน
             
ราชินีนาถวิคตอเรีย

             ในบางกรณีอังกฤษในยุคจักรวรรดิศตวรรษที่ 19 นี้ ยังเรียกหรือได้ชื่อว่ายุค วิคตอเรียน(Victorian Age) ซึ่งในชื่อนี้ได้มาจากชื่อของพระราชินีนาถวิคตอเรีย (ครองราชย์ ค.. 1837-1901) ยอมรับกันอย่างกว้างๆ ว่าหลังจากสงครามนโปเลี่ยน 1815 เมื่อสิ้นสุดสงครามใหญ่นี้แล้วอังกฤษก็เริ่มหันมาสนใจเหตุการณ์ภายในหมู่เกาะของตนเอง และเริ่มสนใจสร้างจักรวรรดิที่แท้จริง
          
ภาพแสดงลำดับเหตุการณ์การรวมราชอาณาจักรเข้าด้วยกัน

             ราชอาณาจักรสก็อตแลนด์และราชอาณาจักรอังกฤษนั้นได้ก่อตัวขึ้นเป็นรัฐแยกกันตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 10 โดยแต่ละรัฐมีราชวงศ์และระบอบการปกครองของตัวเอง ส่วนรัฐเวลส์ตกมาอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษจากบทกฏหมายรุดดลันในปี 1384 และรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรอังกฤษในปี 1535 ขณะที่ประเทศอังกฤษและ
สก็อตแลนด์ก็ได้รวมตัวกันเป็นสหภาพทางการเมืองในชื่อ ราชอาณาจักรบริเทนใหญ่
           
            พระราชบัญญัติสหภาพ ค.. 1800 ได้รวมราชอาณาจักรบริเทนใหญ่กับราชอาณาจักรไอร์แลนด์ ซึ่งก่อนหน้านี้ค่อยๆ ตกเข้ามาอยู่ในการควบคุมของอังกฤษ เข้าเป็นสหราชอาณาจักรแห่งเกาะบริเทนใหญ่และไอร์แลนด์
        
ไอร์แลนด์เหนือ

           ต่อมาในปี 1922 แคว้นต่างๆ รวม 26 แคว้นจาก 32 แคว้นบนเกาะไอร์แลนด์ตัดสินใจที่จะเป็นอิสระ ไม่ขึ้นกับสหราชอาณาจักร และตั้งเป็นประเทศใหม่เป็นสาธารณรัฐไอร์แลนด์ หลังจากนั้นอีก 7 ปี 6 แคว้นทีเหลือได้เข้ามารวมตัวกับสหราชอาณาจักรดังเดิม และตั้งชื่อแคว้นของตนเองเป็นไอร์แลนด์เหนือ
          
           กระนั้นในศตวรรษที่ 19 สหราชอาณาจักร (ในขณะนั้นคือสหราชอาณาจักรแห่งเกาะบริเทนใหญ่และไอร์แลนด์) เป็นประเทศผู้นำของโลกในหลายๆ ด้าน เช่น การพัฒนาระบอบทุนนิยมและประชาธิปไตยแบบรัฐสภารวมถึงการเผยแพร่ทางด้านศิลปะ วรรณกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สีแดงแสดงให้เห็นถึงอาณาจักใต้อาณานิคมของจักรวรรดิบริเทนใหญ่
      
          ในฐานะเจ้าแห่งจักรวรรดิแท้จริง ในช่วงก่อนสิ้นศตวรรษที่ 19 จักรวรรดิบริเทนใหญ่สามารถครอบครองดินแดนถึงหนึ่งในสี่ของพื้นผิวโลกและมีประชากรโลกเป็นหนึ่งในสามของโลกในช่วงที่มีการขยายตัวสูงสุด ทำให้กลาย เป็นจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ทั้งด้านดินแดนและประชากร

          

          สหราชอาณาจักรมีรูปแบบการปกครองรัฐเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบมีรัฐสภา โดยพระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจบริหารผ่านคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีนั้นเลือกโดยรัฐสภา และมีหน้าที่รับผิดชอบต่อรัฐสภาเช่นเดียวกัน ทั้งนี้รัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักรเป็ระบบสภาคู่แบ่งเป็นสองสภา คือ ขุนนาง เป็นสภาสูง จากการแต่งตั้ง และสภาสามัญชนเป็นสภาล่าง มาจากการเลือกตั้ง และผู้นของรัฐสภาคือพระมาหากษัตริย์ สหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ไม่มีรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษรแต่กฏหมายส่วนใหญ่ของสหราชอาณาจักรนั้นปรากฏตัวอยู่ในรูปประเพณี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น