จักรวรรดิอังกฤษหรือจักรวรรดิบริเทนใหญ่
จักรวรรดิอังกฤษ (British Empire แปลตามตัวคือ “จักรวรรดิบริเทน”)
นับเป็นจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดดในประวัติศาตร์และในช่วงระยะเวลาหนึ่งเคยเป็นมหาอำนาจที่สำคัญของโลก
โดยถือกำเนิดมาจากยุคแห่งการค้นพบในทวีปยุโรป
ซึ่งเริ่มตั้งแต่การสำรวจทางทะเลในคริสต์ศตวรรษที่ 15
ที่ทำให้เกิดจักรวรรดิอาณานิคมของยุโรป (European colonial empires)
ภาพวาดกองทัพเรือจักรวรดิอังกฤษ |
ในศศตวรรษที่ 19
จักรวรรดิอังกฤษนับเป็นมหาอำนาจที่น่าเกรงขามมากที่สุด โดยเป็นทั้งมหาอำนาจทางทะเล
มีอาณานิคมโพ้นทะเลมากที่สุดจนได้ชื่อว่า “ดินแดนพระอาทิตย์ตกดิน” เป็นประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำและมั่งคั่งที่สุดด้วย
การก่อตั้งจักรวรรดิอังกฤษเกิดขึ้นในช่วงกอนที่ประเทศอังกฤษจะรวมตัวกันเป็นรัฐเดี่ยวทางการเมือง
เมื่ออังกฤษและสก็อตแลนด์ยังเป็นราชอาณาจักรที่แยกจากกัน
ราชินีนาถวิคตอเรีย |
ในบางกรณีอังกฤษในยุคจักรวรรดิศตวรรษที่ 19 นี้
ยังเรียกหรือได้ชื่อว่ายุค “วิคตอเรียน” (Victorian
Age)
ซึ่งในชื่อนี้ได้มาจากชื่อของพระราชินีนาถวิคตอเรีย (ครองราชย์ ค.ศ. 1837-1901)
ยอมรับกันอย่างกว้างๆ ว่าหลังจากสงครามนโปเลี่ยน 1815
เมื่อสิ้นสุดสงครามใหญ่นี้แล้วอังกฤษก็เริ่มหันมาสนใจเหตุการณ์ภายในหมู่เกาะของตนเอง
และเริ่มสนใจสร้างจักรวรรดิที่แท้จริง
ภาพแสดงลำดับเหตุการณ์การรวมราชอาณาจักรเข้าด้วยกัน |
ราชอาณาจักรสก็อตแลนด์และราชอาณาจักรอังกฤษนั้นได้ก่อตัวขึ้นเป็นรัฐแยกกันตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่
10 โดยแต่ละรัฐมีราชวงศ์และระบอบการปกครองของตัวเอง
ส่วนรัฐเวลส์ตกมาอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษจากบทกฏหมายรุดดลันในปี 1384
และรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรอังกฤษในปี 1535
ขณะที่ประเทศอังกฤษและ
สก็อตแลนด์ก็ได้รวมตัวกันเป็นสหภาพทางการเมืองในชื่อ
ราชอาณาจักรบริเทนใหญ่
พระราชบัญญัติสหภาพ
ค.ศ. 1800 ได้รวมราชอาณาจักรบริเทนใหญ่กับราชอาณาจักรไอร์แลนด์
ซึ่งก่อนหน้านี้ค่อยๆ ตกเข้ามาอยู่ในการควบคุมของอังกฤษ เข้าเป็นสหราชอาณาจักรแห่งเกาะบริเทนใหญ่และไอร์แลนด์
ไอร์แลนด์เหนือ |
ต่อมาในปี 1922
แคว้นต่างๆ
รวม 26 แคว้นจาก 32 แคว้นบนเกาะไอร์แลนด์ตัดสินใจที่จะเป็นอิสระ
ไม่ขึ้นกับสหราชอาณาจักร และตั้งเป็นประเทศใหม่เป็นสาธารณรัฐไอร์แลนด์
หลังจากนั้นอีก 7 ปี 6 แคว้นทีเหลือได้เข้ามารวมตัวกับสหราชอาณาจักรดังเดิม
และตั้งชื่อแคว้นของตนเองเป็นไอร์แลนด์เหนือ
กระนั้นในศตวรรษที่ 19
สหราชอาณาจักร (ในขณะนั้นคือสหราชอาณาจักรแห่งเกาะบริเทนใหญ่และไอร์แลนด์)
เป็นประเทศผู้นำของโลกในหลายๆ ด้าน เช่น การพัฒนาระบอบทุนนิยมและประชาธิปไตยแบบรัฐสภารวมถึงการเผยแพร่ทางด้านศิลปะ
วรรณกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สีแดงแสดงให้เห็นถึงอาณาจักใต้อาณานิคมของจักรวรรดิบริเทนใหญ่ |
ในฐานะเจ้าแห่งจักรวรรดิแท้จริง ในช่วงก่อนสิ้นศตวรรษที่ 19
จักรวรรดิบริเทนใหญ่สามารถครอบครองดินแดนถึงหนึ่งในสี่ของพื้นผิวโลกและมีประชากรโลกเป็นหนึ่งในสามของโลกในช่วงที่มีการขยายตัวสูงสุด
ทำให้กลาย เป็นจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ทั้งด้านดินแดนและประชากร
สหราชอาณาจักรมีรูปแบบการปกครองรัฐเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
และมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบมีรัฐสภา
โดยพระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจบริหารผ่านคณะรัฐมนตรี
ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีนั้นเลือกโดยรัฐสภา
และมีหน้าที่รับผิดชอบต่อรัฐสภาเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้รัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักรเป็ระบบสภาคู่แบ่งเป็นสองสภา คือ ขุนนาง เป็นสภาสูง
จากการแต่งตั้ง และสภาสามัญชนเป็นสภาล่าง มาจากการเลือกตั้ง
และผู้นของรัฐสภาคือพระมาหากษัตริย์
สหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ไม่มีรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษรแต่กฏหมายส่วนใหญ่ของสหราชอาณาจักรนั้นปรากฏตัวอยู่ในรูปประเพณี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น