วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2557

จักรวรรดิออตโตมัน

จักรวรรดิออตโตมัน

ตราแผ่นดินจักรวรรดิออตโตมัน

โบสถ์ฮาเกีย โซเฟีย
       
             จักรวรรดิออตโตมัน(Ottoman Empire) ถือกำเนิดขึ้นในปี 1453 หลังการล่มสลายของจักรวรรดิไบเซนไทม์ มีสุลต่านเมห์เมตที่ 2 เป็นผู้นำ มีคอสแตนติโนเปิล(อิสตันบลู) เป็นเมืองหลวง ในตอนแรกที่ยึดคอนสแตนติโนเปิลได้ พระองค์ได้ทรงเปลี่ยนชื่อเมืองคอนสแตนติโนเปิลใหม่เป็น อิสตันบลูและเปลี่ยนโบสถ์ฮาเกีย โซเฟีย ที่เป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์ เป็นมัสยิสต์ในอิสลาม


              
               อาณาจักรออตโตมันมีอาณาเขตที่ครอบคลุมถึง 3 ทวีป ได้แก่ ยุโรป เอเชีย และแอฟริกา ซึ่งขยายไปไกลสุดถึงช่องแคบยิบรอลตาร์ทางตะวันตกนครเวียนนาทางทิศเหนือ ทะเลดำทางทิศตะวันออก และอียิปต์ทางทิศใต้
       
อาณาจักรออตโตมันระหว่างปี 1453-1566
              จักรวรรดิออตโตมันได้เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดในสมัยสุลต่านสุไลมานครองราชย์ระหว่างปี 1520-1566 ในรัชสมัยของพระองค์ถือเป็นยุคทองของจักรวรรดิ อาณาเขตได้แผ่ขยายออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาล ทิศตะวันตกจรดดินแดนออสเตรีย

ภาพเหมือนของพระองค์ใน ค.ศ.1530
รูปนูนต่ำของสุลต่านสุลัยมานภายในที่ทำการของสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรูปผู้มีความสำคัญในด้านการกฎหมายยี่สิบสามรูป

              ทิศตะวันตกออกจรดคาบสมุทรอาระเบีย ทิศเหนือจรดคาบสมุทรไครเมียทิศใต้จรดซูดานในแอฟริกาเหนือ ชาวตะวันตกได้ขนานพระนามของพระองค์ว่า สุไลมาน สุไลมาน ผู้ยิ่งใหญ่สำหรับชาวตรุกีพระองค์ได้รับสมัญญานามว่า สุไลมาน ผู้พระราชทานกฏหมายเนื่องจากพระองค์ทรงมีบทบาทสำคัญในการปฏิรูประบบกฏหมาย สุลต่านสุไลมานสิ้นพระชนม์ในระหว่างทำสงครามที่ฮังการีในปี 1566 สิริรวมพระชนมายุอายุได้ 74 พรรษา ทรงครองราชย์ยาวนานถึง 46 ปี อดีตอันยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิออตโตมันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัชสมัยสุลต่านสุไลมานเป็น 1 ใน 3 สิ่งที่ชาวครุกีภาคภูมิใจเป็นอย่างมากเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของชาติตน

สุลต่านเบยาชิตที่ 1 
      
             สิ้นรัชกาลสุลต่านสุไลมาน จักรวรรดิออตโตมันเข้าสู่ยุคเสื่อม ซึ่งกินระยะเวลายาวนานถึง 300ปี ก่อนที่จะล้มสลายอย่างสิ้นเชิงภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สาเหตุที่นำไปสู่ความเสื่อมอำนาจของจักรวรรดิมาจากปัจจัยหลายประการ ที่สำคัญได้แก่ การไร้ความสามารถของสุลต่าน 17 พระองค์ที่ทรงครองราชย์ต่อจากสุลต่านสุไลมานในระหว่างปี 1566-1789 การแย่งชิงอำนาจในราชสำนักก็เป็นปัจจัยอันหนึ่งที่นำไปสู่การเสื่อมถอยของจักรวรรดิออตโตมัน สมัยสุลต่านเบยาชิต ที่ 1 (ครองราชย์ระหว่างปี 1389-1402) โปรดให้จัดการปลงพระชนม์พระอนุชาของพระองค์เอง ทันที่ที่ทรงทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระบิดา เพื่อตัดปัญหาการแย่งชิงราชสมบัติ การกระทำดังกล่าวได้กลายเป็นประเพณีปฏิบัติสืบมาจนถึงรัชสมัยของสุลต่านเมห์เมตที่ 1 ซึ่งขึ้นครองราชย์ในปี 1605 ทรงโปรดให้เปลี่ยน การสำเร็จโทษ มาเป็นกักบริเวณ แทนการกักบริเวณดังกล่าวมีผลอย่างมากต่อสุขภาพจิตเจ้าชายรัชทายาท ซึ่งได้รับการทูลเชิญให้ขึ้นครองราชย์ในภายหลัง สุลต่านหลายพระองค์ทรงมีสุขภาพจิตที่ไม่สมบูรณ์ เนื่องจากถูกกักบริเวณมาเป็นเวลานานบางพระองค์ถูกกักบริเวณนานกว่า 20 ปี
       
            ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา พระราชอำนาจของสุลต่านได้ลดลงเป็นอย่างมากในขณะที่อำนาจของขุนนางภายใต้การนำของอัครมหาเสนาบดีมีมากขึ้น ในยุคนี้การฉ้อราษฏร์บังหลวงการเล่นพรรคเล่นพวกเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ส่งผลให้การเมืองภายในประเทศอ่อนแอ ในทางเศรษฐกิจ จักรวรรดิก็ประสบปัญหาอย่างมากเช่นกัน
     
            ในขณะที่ยุโรปประสบความสำเร็จในการปฏิวัตรอุตสาหกรรม มีความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว จักรวรรดิออคโตมันกลับอ่อนแอลงตามลำดับ อย่างไรก็ดี จักรวรรดิก็สามารถประคับประคองตนเองให้อยู่รอดมาได้นานนับร้อยปี เนื่องจากชาติมหาอำนาจในยุโรปไม่ทราบถึงความอ่อนแอภายในจักรวรรดิออตโตมัน
     
             อย่างไรก็ดีในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ชาติมหาอำนาจยุโรปเริ่มตระหนักถึงความอ่อนแอของจักรวรรดิออตโตมันมากขึ้น และเริ่มตั้งคำถามว่า ควรจะดำเนินการอย่างไรกับดินแดนภายใต้การปกครองของจักรวรรดิออตโตมันหากจักรวรรดิออตโตมันมีอันต้องล่มสลาย โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อดุลอำนาจในยุโรป
ภาพวาดสงครามไครเมียปี 1854-1856

ภาพทหารในสงครามไครเมีย

            ในศตวรรษที่ 19 จักรวรรดิออตโตมันได้รับฉายาว่า เป็นคนป่วยแห่งยุโรปฉายาดังกล่าว พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 1 แห่งรัสเซีย เป็นผู้ตั้งในเชิงดูหมิ่นเหยียดหยามออตโตมัน ที่ได้เข้าร่วมสงครามไครเมีย (Crimea War) กับอังกฤษและฝรั่งเศส เพื่อต่อต้านรัสเซีย ในปี 1854
สุลต่านองค์สุดท้าย สุลต่านเมห์เมตที่ 6 
      
           อาณาจักรออตโตมันสิ้นสุดลงในปี 1923 มีสุลต่านเมห์เมตที่ 6 เป็นสุลต่านองค์สุดท้าย 

สุลต่านฟา เคมาล อตาเติร์ก ประธานาธิบดีคนแรกของตุรกี

        และมีสาธารณรัฐตรุกี ขึ้นมาแทนที่ ละมีสุลต่านฟา เคมาล อตาเติร์ก เป็นประธานาธิบดีคนแรก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น