พระเจ้าไกเซอร์ วิลเฮล์มที่ II แห่งเยอรมนี |
…ต่อ เรื่องราวการลงนามในสัญญาต่างๆ
ในช่วงเวลานี้ของชาวยุโรปยังมีมากมายและสับสนกันอยู่ไม่น้อย
กล่าวคือในระหว่างการลงนามที่กล่าวไปแล้วนั้นปรากฏว่ายังมีการลงนามในสัญญาอื่นๆ
อีก อาทิ สนธิสัญญาสันนิบาตสามจักรพรรดิ
แม้ว่าในช่วงเวลานั้นจะเกิดสนธิสัญญาไตรมิตรขึ้นมาแล้วก็ตามทีกระนั้นเยอรมนีกับรุสเซียก็ยังลงนามในสัญญาฉบับนี้
อาจนับเป็นสัญญาลับหลังออสเตรียก็ว่าได้ กล่าวคือ ด้วยความที่เยอมนีกลัวว่าตัวเองจะมีปัญหากับฝรั่งเศสอย่างมากและระแวงที่สุดว่ารุสเซียอาจจะร่วมกันกับฝรั่งเศสได้ในที่สุดดังนั้นจึงจำต้องกันรุสเซียให้อยู่ห่างเอาไว้ก่อน
จึงได้แอบทำสัญญากับรุสเซียฉบับนี้ขึ้นมา โดยมีเงื่อนไขว่า รุสเซียสัญญาจะไม่ร่วมกับฝรั่งเศสหากว่าฝรั่งเศสรุกรานเยอรมนี
และเพื่อเป็นการตอบแทนเยอรมนีก็สัญญาว่าจะสนับสนุนผลประโยชน์ของรุสเซียทางแหลมบอลข่าน
ทั้งที่แท้จริงแล้วในสนธิสัญญาสันนิบาตสามจักรพรรดิก็มีค้ำอยู่ก่อนแล้ว
ออสโต ฟอน บิสมาร์ค |
สนธิสัญญาอินชัวรันส์
มีอายุ 3 ปี หมดอายุลงในปี 1890
ทั้งเยอรมนีและรุสเซียอยากต่ออายุแต่ปรากฏว่ามีบิสมาร์คผู้มีความสำคัญในการทำสัญญานี้ถูกพระเจ้าไกเซอร์
วิลเฮล์มที่ 2 จักรพรรดิพระองค์ใหม่ของเยอรมนีบังคับให้จำต้องลงจากตำแหน่งเสียก่อน
และพระเจ้าไกเซอรที่ วิลเฮล์มที่ 2
ก็รวบอำนาจในการบริหารบ้านเมืองมาอยู่ที่พระองค์แต่เพียงผู้เดียว
พระองค์เห็นว่าเยอรมนีก็มีผลประโยชน์อยู่ในคาบสมุทรบอลข่านด้วยเช่นกันดังนั้นจึงควรจะร่วมมือกับออสเตรียในการรักษาผลประโยชน์ในคาบสมุทรบอลข่านเอาไว้ดีกว่า
ดังนั้นเมื่อรุสเซียเสนอต่ออายุสนธิสัญญาอินชัวรันส์
กษัตริย์แห่งเยอรมันจึงตอบปฏิเสธไป
ธงสัญลักษณ์แสดงถึงความร่วมมือกันทั้ง 2 ฝ่ายระหว่าง ฝรั่งเศส และ รุสเซีย |
เมื่อไม่ได้มีสัญญาลับกับเยอรมนีแล้ว
ในปี 1891 รุสเซียจึงหันไปทำสัญญากับฝรั่งเศสขึ้นมาฉบับหนึ่ง
เรียกสัญญาฉบับนี้ว่า สนธิสัญญาสัมพันธไมตรีฝรั่งเศส-รุสเซีย
หรือสนธิสัญญาสัมพันธไมตรีสองประเทศ ค.ศ. 1891
ภาพความเสียหายของกรุงปารีสบริเวณประตูชัยของฝรั่งเศสหลังความพ่ายแพ้ต่อ ปรัสเซีย ในปี 1871 |
จุดนี้ต้องย้อนกลับไปดูที่ฝรั่งเศสอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากที่ฝรั่งเศสพ่ายแพ้ต่อประเทศปรัสเซียในปี 1871 แล้ว
ฝรั่งเศสก็กลายเป็นประเทศยิ่งใหญ่ที่โดดเดี่ยวและบาดเจ็บ
ต้องอยู่ตามลำพังและหาเพื่อนไม่ได้
ทั้งนี้เพราะบิสมาร์คใช้ทุกวิธีทางในการกีดกันฝรั่งเศสไม่ให้สามารถจับมือกับใครได้
กระทั่งถึงวันที่รุสเซียเกิดความโกรธอย่างมากต่อเยอรมนีที่ไม่ยอมต่อสัญญาอินชัวรันส์
ผนวกกับที่รุสเซียก็ยังต้องการเงินจำนวนมากเพื่อมาใช้จ่ายในการพัฒนาบ้านเมืองและฝรั่งเศสยินดีให้กู้ยืมมาก่อนหน้านับแต่ปี
1888 เป็นต้นมาแล้ว
Pont Alexandre III ในกรุงปารีสและTrinity Bridge ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กสองสัญลักษณ์พันธมิตรระหว่าง ฝรั่งเศส รุสเซีย |
ลักษณะความสัมพันธ์แบบช่วยเหลือฐานะเจ้าหนี้กับลูกหนี้ระหว่างฝรั่งเศสกับรุสเซียส่งผลให้มิตรภาพทางการฑูตระหว่างสองประเทศเกิดขึ้นมาโดยดี
ดังนั้นจึงเกิดการทำสัญญากันขึ้นมาในปี 1891
โดยมีข้อตกลงหลักว่าทั้งสองประเทศจะร่วมกันในการรักษาสันติภาพให้เกิดขึ้นในยุโรป
ต่อมาในปี 1894
ก็ได้ขยายข้อตกลงโดยกำนหดให้อนุสัญญาลับทางทหารระหว่างสองประเทศขึ้น
ซึ่งนับได้ว่าเป็นอนุสัญญาป้องกันช่วยเหลือโดยมีเงื่อนไขอย่างย่อๆ ว่า
ในกรณีที่ฝรั่งเศสถูกอิตาลีซึ่งมีเยอรมนีหนุนหลังอยู่เข้าโจมตี
รุสเซียจะต้องใช้กำลังทั้งหมดที่มีอยู่เข้าโจมตีเยอรมนีและในกรณีที่รุสเซียถูกเยอรมนีหรืออสเตรียที่มีเยอรมนีหนุนหลังอยู่โจมตี
ฝรั่งเศสก็จะต้อง ช่วยรุสเซียโดยการเข้าโจมตีเยอรมนี
และมีการกำนหดกำลังทัพควรทีไว้ดังนี้ฝรั่งเศสควรมีกำลังทัพ 1,300,000 นาย
ขณะที่รุสเซียควรมี 700,000 ถึง 800,000 นาย
ภาพวาดแสดงถึงความร่วมมือกันระหว่างฝรั่งเศสและรัสเซีย (The Blue croos flag) ธงนาวาของรุสเซีย |
ดังนั้นสิ่งที่บิสมาร์คกลัวมากที่สุด
คือ กลัวว่าฝรั่งเศสจะมีพันธมิตรก็เกิดขึ้นมาจริงในที่สุด
เกิดขึ้นหลังจากที่เขาต้องลาออกจากตำแหน่งไป 4 ปี
เท่านั้นกล่าวกันว่ตลอดระยะเวลา 20
ปีที่เขาอยู่ในอำนาจเขาต้องทำงานหนักทุกอย่างเพื่อไม่ให้ฝรั่งเศสสามารถกลับมามีอำนาจในยุโรปได้อีก
แต่เพียงไม่นานเท่านั้นหลังจากเขาลงจากตำแหน่งสิ่งที่เขากลัวก็เกิดขึ้นมาจนได้…
To be continue
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น