วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิกฤตการเมืองและสงครามก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ตอน วิกฤตการณ์โมร็อกโกครั้งที่ 2

วิกฤตการณ์โมร็อกโก ครั้งที่ 2.. 1911
     
      แม้ปัญหาโมร็อกโกจะถูกแก้ไขไปบ้างแล้วก่อนหน้านั้น(วิกฤตการณ์โมร็อกโกครั้งที่ 1 1905-1906)  แต่ก็ดูเหมือนว่าความลงเอยยังไม่สิ้นสุด ฝรั่งเศสยังมีความพยายามที่จะผนวกดินแดนโมร็อกโกให้ได้ในปี 1911 บังเอิญเกิดเรื่องภายในโมร็อกโก เมื่อชาวพื้นเมืองได้ลุกขึ้นมากก่อการกบฏต่อฝรั่งเศสที่เวลานั้นมีอำนาจอยู่ในนครเฟซทำให้ฝรั่งเศสใช้กำลังเข้ายึดนครเฟซเอาไว้ได้ในปลายปีนั้นเอง ด้วยการยกข้ออ้างว่าที่ตัวเองเข้าไปนั้นเพื่อคุ้มครององค์สุลต่านรักษาความสงบ และพิทักษ์รักษาความปลอดภัยให้กับชาวต่างชาติ
  
เรือแพนเธอร์ที่เยอรมนีส่งมาให้มาประจันหน้ากับฝรั่งเศส 1911 ที่โมร็อกโก
 
      เหตุการณ์ครั้งนี้ก่อความหวั่นไหวไปทั่วทุกชาติทั่วในยุโรป ทั้งนี้เพราะทุกชาติต่างรู้ดีว่าฝรั่งเศสนั้นหวังที่ยึดครองโมร็อกโก โดยหวังเปลี่ยนให้โมร็อกโกกลายเป็นประเทศในอารักขาของตนเองอยู่แล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนี้จึงเริ่มกลับมาซ้ำรอยเดิม กล่าวคือเยอรมนีลุกขึ้นมาขัดขวางเป็นรายแรก โดยการจัดส่งเรือปืนชื่อแพนเธอร์ เข้าไปทอดสมออยู่ที่อ่าวหน้าเมืองอาร์กาดีร์ทางฝั่งตะวันตกของโมร็อกโก กลายเป็นการตั้งประจันหน้ากัน สร้างความหวั่นไหวไปทั่วว่าสงครามจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
 
ภาพ:ปืนใหญ่ฝรั่งเศสที่ประจันหน้ากับเรือแพนเธอร์ของเยรอมนี
     
      ฝรั่งเศสนั้นเคยแพ้เกมมาแล้วในปี 1905(วิกฤตโมร็อกโกครั้งที่ 1) ครั้งนี้จึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมแพ้อีกเด็ดขาดยิ่งเมื่อมองกองทัพของตนเองในเวลานั้นทั้งที่มีกำลังพอและอาวุธที่ทันสมัยมากกว่าครั้งที่ผ่านมาก็ยิ่งทำให้มั่นใจมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญครั้งนี้ฝรั่งเศสมั่นใจว่าอังกฤษจะต้องเข้าร่วมช่วยเหลืออย่างแน่นอน ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนที่อังกฤษยื่นเรื่องให้เยอรมนีถอนเรือปืนออกไปและแสดงท่าทีชัดเจนว่าอยู่ข้างฝรั่งเศส

    
      ปรากฏว่าสุดท้ายเยอรมนีไม่อยากสู้รบกับอังกฤษและฝรั่งเศส จำต้องยอมตกลงให้ฝรั่งเศสเข้าไปเป็นอารัฐอารักชาโมร็อกโก โดยให้มีเงื่อนไขว่าฝรั่งเศสต้องยอมดำเนินนโยบาย เปิดประตูการค้า ที่โมร็อกโกเพื่อชดใช้ และฝรั่งเศสต้องยอมยกดินแดนป่าเขาในคองโกของฝรั่งเศสซึ่งมีเนื้อที่ 100,000 ตารางไมล์ให้แก่เยอรมนี

 
ภาพทหารฝรั่งเศสย้ายค่ายเข้ามาในโมร็อกโกปี 30 มีนาคม 1912
   
      แม้สงครามจะไม่เกิดขึ้นและวิกฤตการณ์ผ่านพ้นไปได้ แต่กระนั้นเหตุการณ์ครั้งนี้ก็กลายเป็นสิ่งที่ค้างใจทั้งเยอรมนีและฝรั่งเศส ทั้งสองเกิดความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ค่ายฉันทไมตรีไตรมิตรและค่ายพันไมตรีไตรมิตรเริ่มแข่งขันกันรุนแรงมากยิ่งขึ้น จนทุกคนในโลกในเวลานั้นเริ่มตั้งคำถามและพูดคุยกันแล้วว่าสงครามใหญ่จะต้องเกิดขึ้นมาแน่ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรและเริ่มขึ้นที่ไหนก่อนเท่านั้นเอง---

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น